ต่อมไพเนียล – สะพานสู่จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์
ตอน2: ประวัติศาสตร์ กุณฑาลินี และดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่ง
ต่อมไพเนียลตลอดประวัติศาสตร์
เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่ามีความพยายามร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อปิดต่อมไพเนียลและทำให้ต่อมเฉื่อย เนื่องจากมีความสำคัญสูงสุดในการเชื่อมต่อกับ consciousness และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นภาวะ awakening และมีหลักฐานเพียงพอที่จะค้นพบว่าต่อมไพเนียลได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางตลอดประวัติศาสตร์โดยวัฒนธรรมโบราณและศาสนาว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
ในการบรรยายผ่านวิดีโออันน่าทึ่งของเขา “The 2012 Enigma,” เดวิด วิลค็อก กล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมและศาสนาโบราณมากมายที่มีลูกสน (the pine cone) อยู่ในสัญลักษณ์ ซึ่งรวมถึงชาวสุเมเรียน, ชาวอียิปต์, ชาวบาบิโลน, ชาวฮินดู, ชาวโรมัน, ชาวกรีก, ชาวพุทธ, ชาวเมโสอเมริกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คริสตจักรคาทอลิก และวาติกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
ในความเป็นจริง วาติกันได้สร้างพื้นที่ภายในบริเวณที่เรียกว่า “the Court of the Pigna,” or “Court of the Pine” และมีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นลูกสนขนาดใหญ่มากซึ่งโดดเด่นเหนือพื้นที่ทั้งหมด . รูปปั้นลูกสนนี้เชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นลูกสนที่ใหญ่ที่สุดในโลก! บางทีวาติกันอาจรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของต่อมไพเนียลมากกว่าที่ได้เปิดเผยไว้จนถึงตอนนี้
ต่อมไพเนียลในฐานะตัวส่งสัญญาณ
ขณะนี้การวิจัยกำลังเป็นที่กระจ่างว่า ต่อมไพเนียลมีเพชรเซอร์โคเนียมอยู่ในโครงสร้างของมัน ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ในวิทยุ ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณได้อย่างแท้จริง ในความเป็นจริง ขณะนี้มีรายงานอย่างกว้างขวางว่าอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือกำลังค้นคว้าผลนี้อย่างจริงจัง และอาจพยายามใช้ประโยชน์จากศักยภาพของมัน ในเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคต
เพชรเซอร์โคเนียมสามารถพบได้ในสัตว์ชนิดอื่นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในนก มันทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ GPS ประเภทหนึ่ง ที่ช่วยในกระบวนการนำทางในขณะที่พวกมันเดินทางเป็นระยะทางไกลในช่วงอพยพ
เป็นไปได้ไหมที่โทรศัพท์มือถือจะเชื่อมโยงเข้ากับเพชรเซอร์โคเนียมในสมองของมนุษย์เมื่อถูก activated เพื่อสร้าง wireless transmitter พิเศษบางประเภท นอกจากนี้ ยังมีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับการสร้างเสาส่งสัญญาณจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดมลพิษ EMF (หรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้า) ในระดับที่น่าตกใจ พร้อมกับจำนวนเครือข่าย Wi-Fi ที่เพิ่มมากขึ้น
กุณฑาลินีและดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่ง
เมื่อพลังงานกุณฑาลินีที่คล้ายงูเคลื่อนผ่านร่างกาย และไต่ขึ้นบันไดของจุดจักระ มันจะไปถึงจุดยอดที่ตาที่ 3 และต่อมไพเนียล ในระหว่างกระบวนการนี้เองที่ the super consciousness or Divine consciousness ถูก activated. เมื่อกระบวนการนี้แผ่ออกไป มันจะเปิดตาที่ 3 หรือตาของจิตใจ (the mind’s eye) หรือสัมผัสที่ 6 ตามที่รู้จักกัน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือ the all knowing, all-seeing consciousness. ขอย้ำอีกครั้งว่าเราสามารถพบความเชื่อมโยงระหว่างดวงตากับต่อมไพเนียลได้อย่างชัดเจน
การเปิดตาที่สามนี้ จะอธิบายความเด่นของสัญลักษณ์ของดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่ง (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดวงตาของฮอรัส” จาก Egyptian mysticism) ซึ่งมีปรากฏอย่างเด่นชัดบนธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวอย่าง. การเชื่อมต่อแบบคู่ขนานสามารถเกิดขึ้นกับสัญลักษณ์ของปิรามิดโบราณบนที่ราบสูงกิซ่าในอียิปต์และส่วนอื่นๆ ของโลก ซึ่งมักมีศิลาจารึกที่หายไป ซึ่งมีสัญลักษณ์อยู่บนธนบัตรดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
The all-seeing eye, อาจหมายถึงต่อมไพเนียลซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการ awakening ขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าแห่งการควบคุม
ดังนั้น ภายในขอบเขตของต่อมไพเนียล อาจมีความลับในการต่อต้านความชรา, การเดินทางข้ามเวลา, การเทเลพอร์ต, the astral plane, telepathy, ฯลฯ นอกเหนือจาก the all-knowing, all-seeing consciousness. เดวิด วิลค็อก ยังระบุด้วยว่า ต่อมไพเนียลอาจทำหน้าที่เป็นสตาร์เกทส่วนตัวในตัวเรา
“เราทุกคนมีสตาร์เกทนี้อยู่ในสมองของเราเอง ซึ่งเราเข้าถึงได้ผ่านการทำสมาธิและการทำจิตใจให้สงบเป็นหลัก” เขากล่าวใน audio interview เมื่อเร็วๆ นี้กับ Project Camelot “(โดย) ปล่อยให้สิ่งกีดขวางหลุดออกไป จนเราได้สิ่งที่เป็นธรรมชาติ, intuitive, bubbling-up, ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นการฝันกลางวัน พวกเขาไม่คิดว่ามันจะมีคุณค่าใดๆ เลย”
“แต่เมื่อคุณเข้าสู่สภาวะสมาธิ ที่ซึ่งความคิดผุดขึ้นมาในจิตใจของคุณโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องทำอะไร นั่นก็คือฟีดจากจิตใต้สำนึกหรือ , super-consciousness ของคุณ ที่ไหลผ่านประตูไพเนียล” เขากล่าวเสริม .
Alchemist เจี๊ยบ